วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

วิธีทำ "เค้กวนิลา"

เขียนโดย S-pring
สูตรตัวเค้กวนิลาค่ะ


แป้งสาลีอเนกประสงค์ 160 กรัม

เนยเค็ม 110 กรัม

น้ำตาล 120 กรัม

ไข่ 2 ฟอง

กลิ่นวนิลา 1/2 ช้อนชา

นมข้นจืด 1/2 ถ้วยตวง

เกลือ 1/4 ช้อนชา

ผงฟู 1/4 ช้อนชา



ส่วนผสมก็มีแค่นี้ล่ะค่ะ งั้นเรามาเริ่มทำกันเลย

ก่อนอื่นก็เปิดเตาอบไว้ก่อนที่อุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียส จากนั้นเตรียมพิมพ์ถ้วยคัพเค้กตามใจชอบ


เรา เตรียมพิมพ์ไว้สอง แบบ คือ แบบแผงที่เป็นเทฟล่อน กับ พิมพ์ซิลิโคน แยกเป็นอันๆ



เตรียมอุปกรณ์อื่นๆ ให้พร้อม แป้ง น้ำตาล วนิลา กะละมัง ตาชั่ง ถ้วยตวง ทุกอย่างพร้อมค้าบ

เริ่ม กันที่ตัดเนย เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่กะละมังตี วางทิ้งไว้ให้มันเละๆ หน่อย

จากนั้นก็ตีเนยให้เนียนค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปทีละหน่อย ตีต่อไปเรื่อยๆ

พอตีน้ำตาลลงไปหมด สีของเนยจะอ่อนลง

จากนั้นใส่ไข่ลงไปทีละฟอง ตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยกลิ่นวนิลา

จากนั้นร่อนผงฟู เกลือ แป้ง ให้เข้ากัน แล้วเตรียมนมข้นจืดด้วย

ค่อยๆ ใส่ส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ลงไปในเนย สลับกับนมข้นจืด

คนไปเรื่อยๆ จนเนื้อเค้กเนียนเข้ากันดีจากนั้นตักส่วนผสมใส่ ประมาณ 3/4 ของพิมพ์

จาก นั้นเอาไปอบ (ที่ไฟ 165 องศาเซลเซียส) ประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าจะสุกปล่อยให้มันเย็นนิดหน่อย แล้วค่อยเอาออกจากพิมพ์ ผึ่งไว้บนตะแกรงจนเย็นสนิทพอเค้กเย็นสนิทแล้ว เราก็สามารถแต่งหน้าเค้กได้โดยใช้บัตเตอร์ครีม


บัตเตอร์ครีม


เนยเค็ม 227 กรัม (หนึ่งก้อน)

ไข่ 2 ฟอง

น้ำตาล 1/2 ถ้วยตวง

เกลือ 1/4 ช้อนชา

กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา

สีผสมอาหาร ฟ้า ชมพู เหลืองไข่ไก่




ก็ ตัดเนยเป็นชิ้นๆ ประมาณ 1 x 1/2 นิ้วทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องให้นิ่ม

ตีไข่ น้ำตาล และเกลือจนกระทั่งขึ้นฟูมากๆ สีของไข่จะอ่อนลง ปริมาณเพิ่มขึ้น

ค่อยๆ ใส่เนยทีละชิ้น ระหว่างใส่ก็บี้ๆ เนยให้ผสมกับไข่

ใส่เนยไปเรื่อยๆ จนหมด เนื้อเนยจะเนียนเข้ากับไข่ไก่ดี ใส่กลิ่นวนิลา ผสมให้เข้ากัน

แบ่ง ออกเป็นสามชาม ใส่สีผสมอาหารทีละหยดน้อยๆ ก่อน ผสมให้เข้ากัน ก็จะได้บัตเตอร์ครีมสีพาสเทล จากนั้นก็เอาไปป้ายแต่งหน้าคัพเค้ก



ที่มา ::

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nida007&month=07-2007&date=12&group=3&gblog=10

ข้อดีของการกินช็อกโกแลต

เขียนโดย S-pring

สาวๆ มักเกลียดกลัวช็อกโกแลตเพราะเชื่อว่าเป็นศัตรูของความงามและน้ำหนัก แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ปีศาจช็อกโกแลตของสาวๆ ก็มีดีอยู่บ้างเหมือนกัน แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็น ช็อกโกแลตดำ (Dark Chocolate)เท่านั้นนะคะ เพราะในช็อกโกแลตดำนั้นประกอบไปด้วยสาร Flavonoids ในปริมาณสูง พ่วงด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนต์ชนิดเดียวกับที่พบใน ไวน์แดง ชา ผลไม้และผักบางชนิด จากผลวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัย Glasgow สก็อตแลนด์ พบว่า flavonoids สามารถช่วยต่อต้านการก่อตัวของมะเร็งได้

แต่หาก คุณเกลียดช็อกโกแลตดำเพราะรสชาติออกขมๆ ไม่อร่อยเอาเสียเลย ลองหันมากินช็อกโกแลตนมแทนก็ได้ แม้ในช็อกโกแลตนมจะมีสารแอนตี้ออกซิเดนต์น้อยกว่าช็อกโกแลตดำ แต่ก็มีปริมาณแคลเซียมสูงกว่าถึง 5 เท่า


ดังนั้น ช็อกโกแลตนมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการเสริมความแข็งแรงของกระดูก

และ หากคุณรู้สึกดีมากๆ เวลากินช็อกโกแลตแล้วล่ะก็ ไม่ต้องแปลกใจ เพราะผลวิจัยหลายชิ้นพบว่า เวลาคนเรากินช็อกโกแลตนั้น สมองจะปล่อยสารเอนโดฟีน ซึ่งออกฤทธิ์เหมือนฝิ่นธรรมชาติ (ไม่เป็นอันตรายค่ะ) ซึ่งทำให้เราอารมณ์ดีและบรรเทาความเจ็บปวดได้










ที่มา ::

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=love-attract&date=29-10-2008&group=9&gblog=9

วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553

วิธีทำ "เค้กช็อคโกแลตฟัดจ์"

เขียนโดย S-pring


วิธีทำ "เค้กช็อคโกแลตฟัดจ์"




ส่วนผสมตัวเค้ก


แป้งเค้ก 2 ถ้วย

เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา

เกลือ 1/2 ช้อนชา

เนยจืด 1 ถ้วย (227 กรัม หรือ 1 ก้อนที่ขายกันทั่วไป)

น้ำตาลทรายป่น 1 ถ้วย

น้ำ 1/4 ถ้วย

น้ำวานิลลา 1 ช้อนชา

ไข่ขาว 2 ฟอง

นม 1 ถ้วย


ส่วนผสมฟัดจ์


ช็อคโกแลต 3/4 ถ้วย (150 กรัม)

ผงโกโก้ 1/4 ถ้วย

เนย 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย

น้ำตาลทรายขาว 1/4 ถ้วย

ไข่แดง 3 ฟอง

นม 1 ถ้วย



วิธีทำ


1. เริ่มจากการตุ๋นฟัดจ์ก่อน นำเครื่องปรุงของฟัดจ์ทั้งหมดใส่ลงในหม้อตุ๋น ใช้ตะกร้อมือตีทุกอย่างให้เข้ากัน นำไปตั้งไฟ คนเป็นระยะ จนส่วนผสมเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ยกลงจากเตา ปล่อยให้ฟัดจ์ที่กวนได้ที่เย็นตัว ถ้าไม่มีหม้อตุ๋นให้นำหม้อหรือกระทะก้นแบนใส่น้ำ ตั้งไฟต้มให้เดือด นำหม้ออีกใบที่เล็กกว่า(ที่ใส่ส่วนผสม) วางซ้อนลงไปได้ อย่าวางหม้อให้ติดก้นกระทะ


2. ร่อนแป้งเค้ก เบกกิ้งโซดา และเกลือป่นให้เข้ากันหนึ่งครั้ง พักไว้


3. ตีเนยที่พักไว้ที่อุณหภูมิห้อง (เนยที่ได้จะอ่อนตัว) ใช้เครื่องตีไข่ไฟฟ้าตีด้วยความเร็วกลางราว 1-2 นาทีให้เนยนุ่ม ใส่น้ำตาลทรายป่น (1 ถ้วย) ลงไปทีละน้อย ตีจนน้ำตาลละลายเป็นเนื้อครีมฟูสีออกขาว (ราว 6-8 นาที) ใส่ไข่ขาวลงไปครั้งละฟอง แต่ละครั้งให้ตีจนไข่เข้ากับเนื้อครีม ควรใช้พายยางปาดที่ขอบและก้นอ่างเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากัน


4. ใส่ส่วนผสมฟัดจ์ลงใส่ส่วนผสมเนยทีละน้อย ระหว่างนั้นก็ใช้เครื่องตีไข่ตีไปเรื่อยๆจนหมด


5. นำนมที่เหลือ 1 ถ้วย น้ำ 1/4 ถ้วยและน้ำวานิลลาผสมให้เข้ากัน คะเนให้ส่วนผสมนี้แบ่งได้ 3 ส่วน และแบ่งส่วนผสมแป้งที่ร่อนแล้วเป็น 4 ส่วน ใส่ส่วนแรกลงในส่วนผสมเนยและฟัดจ์ คนให้เข้ากันด้วยพายยาง หรือช้อนไม้แบนๆ ตามด้วยส่วนผสมนม 1 ส่วน คนให้เข้ากัน ทำสลับเช่นนี้จนจบที่ส่วนผสมแป้ง คนให้เข้ากัน


6. นำขนมใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ ใช้มีดปลายแหลมหรือไม้แหลมคนเป็นวงเบาๆ เพื่อไล่ฟองอากาศ แต่อย่าทำหนักมือเพราะขนมจะยุบตัว


7. นำเข้าเตาอบพิมพ์สี่เหลี่ยม 8 นิ้วสองพิมพ์ ใช้เวลาอบ 25-30 นาที แต่ถ้าใช้พิมพ์กลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 นิ้วหนึ่งพิมพ์ ใช้เวลาอบประมาณ 45-55 นาที สังเกตว่าขอบขนมหลุดออกจากขอบพิมพ์เป็นอันใช้ได้


8. เมื่อขนมสุก ให้นำออกมาพักไว้ 5 นาทีก่อนนำออกจากพิมพ์ อย่าลืมลอกกระดาษที่รองก้นเค้กออกด้วย





หน้าช็อกโกแลตอย่างนิ่ม


ช็อคโกแลต 3/4 ถ้วย (150 กรัม)

นมข้นหวาน (14 ออนซ์) 1 กระป๋อง -> ก็ขนาดที่ขายกันทั่วไปน่ะ

เนยจืด 8 ช้อนโต๊ะ (113.5 กรัม)

ไข่แดง 1 ฟอง

น้ำวานิลลา 2 ช้อนชา




วิธีทำ


1. นำช็อคโกแลตใส่หม้อตุ๋นขึ้นตั้งไฟ พอเริ่มละลายให้ใส่นมข้นหวานลงไป คนให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือหรือไม้พาย พอเข้ากัน ใส่เนยลงไปทีละน้อย (ตัดเป็นชิ้นเล็กๆราว 1/4 ช้อนโต๊ะ) ขั้นตอนนี้ควรทำอย่างใจเย็น คนไปเรื่อยๆให้เนยเข้ากับส่วนผสมก่อนจะใส่อีกส่วนลงไป จากนั้นให้ใส่ไข่แดงที่ตีพอแหลก ตามด้วยน้ำวานิลลา คนไปเรื่อยๆให้ส่วนผสมเนียน ยกลงจากเตา


2. ราดส่วนผสมลงเค้กชิ้นแรก เกลี่ยให้ทั่วหน้าเค้ก วางเค้กอีกชิ้นลงไปราดด้วยฟัดจ์ให้ทั่วทั้งก้อน






ที่มา :: http://my.dek-d.com/crispylover/diary/?day=2006-08-02



รู้ไหม...ช็อกโกเลตทำให้คิดเลขเร็วขึ้น!!!

เขียนโดย S-pring
บทความที่อ่านเจอเป็นของ เดวิด เคนเนดี นักวิจัยมหาวิทยาลัยนอร์ธัมเบรีย ประเทศอังกฤษ ซึ่งเขาได้ศึกษากับอาสาสมัคร 30 คน แบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน ให้พวกเขาทุกคนนับเลขถอยหลังระหว่าง 800ถึง 999 และให้พวกเขาทานโกโก้ร้อน ซึ่งมีสารฟลาวานอล ถ้วยละ 500 มิลลิกรัมผลที่เกิดขึ้น คือ พวกเขาสามารถนับเลขได้ถูกต้องและรวดเร็วกว่าปกติ


นอกจากจะช่วยในเรื่องตัวเลขแล้ว ยังสามารถช่วยในเรื่องการอ่านหนังสือด้วย เพราะจะทำให้จำสิ่งที่อ่านได้ดีขึ้น ที่เป็นแบบนั้นเพราะ “สารฟลาวานอล” และ “สารโพลีฟีนอล” สามารถช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น



ดังนั้นต่อไปในช่วงเวลาที่ใกล้สอบหรือต้องปวดหัวกับการคิดตัวเลขมากๆ ก็อย่าลืมมองหาช็อกโกแลตสักชิ้นมาทานกันด้วยนะจ๊ะ เพื่อคะแนนสอบของเราจะได้วิ่งฉลุยไปเลย




ที่มา ;; http://www.dek-d.com/
 

chocolate cupcake Copyright 2009 Sweet Cupcake Designed by Ipiet Templates Image by Tadpole's Notez